ก้าวกับ สถาวร จันทร์ผ่องศรี ‘ครูดิน’ ผู้ส่งต่อการก้าวที่ไม่สิ้นสุด

 นอกจากเราจะเริ่มฝึกเขียนบทความให้น่าอ่านแล้ว ในตอนนี้เรายังเริ่มฝึกหัดเป็นนักวิ่งอีกด้วย 

จุดเริ่มต้นการเป็นนักวิ่งฝึกหัดได้พาเรามาเจอกับครูสอนวิ่ง ซึ่งหลายคนในแวดวงรู้จักกันดีในชื่อของ ‘ครูดิน’ นักวิ่งมาราธอนทีมชาติ ซีเกมส์ครั้งที่13 ผู้ผันตัวมาเป็นครูสอนวิ่ง ที่สร้างก้าวใหม่ให้กับนักวิ่งหลายๆคน

หลังจากที่เรายืนมองครูดินสอนวิธีการเบื้องต้นสำหรับการวิ่งให้กับผู้เรียน จำนวนประมาณ 30 คน ก็อดไม่ได้ที่จะต้องออกท่าทางตามไปด้วย และขอฝากตัวเป็นศิษย์คนที่ 31 ของคลาสเรียนในวันนี้

เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งกับการฝึกอันหนักหน่วง หลังจบการสอน จึงขอชวนครูดินพูดคุยถึงก้าวสำคัญแต่ละก้าวที่ครูดินได้ก้าวผ่านมา 

“วินาทีที่คุณกล้าตัดสินใจออกมาวิ่ง จะเป็นวินาทีเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น ถ้าคุณไม่เริ่มตั้งแต่วันนี้คุณจะไม่รู้ว่ามีสิ่งที่ดีกว่า” ประโยคบอกเล่าหรือคำเชิญชวนนี้ นำไปสู่ประโยคคำถามจำนวนหนึ่ง ที่เชื่อมโยงได้อย่างลงตัวกับคำตอบของ ‘ครูดิน สถาวร จันทร์ผ่องศรี’

ก้าวแรกของนักกีฬาเหรียญทองสู่ครูสอนวิ่ง

ครอบครัว คือ จุด start ของการเป็นนักกีฬาวิ่ง เพราะที่บ้านเป็นครอบครัวนักกีฬา โดยเฉพาะพี่ๆ ที่ต้องออกไปซ้อมวิ่งทุกวัน  เป็นภาพที่เห็นจนชินตาจนเกิดเป็นความหลงใหล จึงขอตามไปทุกสนามแข่ง ทั้งในระดับเขตจนถึงระดับกีฬาแห่งชาติ  หลังจากที่ตามไปดูติดขอบทุกสนามและได้ซ้อมวิ่งด้วยกัน จนอายุ 14 ปี ได้มีโอกาสไปแข่งชิงแชมป์ระดับประเทศไทย ซึ่งรายการนี้ได้รับชัยชนะคว้าเหรียญทอง รวมถึงการเป็นเจ้าของสถิติประเทศไทยด้วย

“การไปชิงแชมป์ประเทศไทยในวัยเพียง 14 เป็นการเข้าสู่การแข่งขันครั้งแรกและถือเป็นแมตต์ที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นการวัดศักยภาพของคนทั้งประเทศที่จะมาแข่งในรุ่นเดียวกัน”


ผลการแข่งขันในวันนั้น จึงเป็นแรงผลักดันที่ทำให้รู้ว่าเด็กบ้านนอกก็สามารถพัฒนาตัวเองจนก้าวไปสู่ระดับชาติได้ หลังจากวันนั้นก็เข้าสู่วงการวิ่งอย่างเต็มตัว และสร้างทีมวิ่งมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง สสส.เชิญไปเป็นผู้บรรยาย “การวิ่งสู่ชีวิตใหม่” ซึ่งเป็นการนำพื้นฐานการวิ่งเพื่อสุขภาพสู่คนทั่วไป
เข้าไปตามทุกสวนสาธารณะเพื่อแนะนำและแบ่งปันการวิ่งร่วมกัน ทำมาก็เข้าปีที่ 7 แล้ว และกลายเป็นครูดินอย่างทุกวันนี้

การสอนของครูดินแตกต่างจากการสอนทั่วไปอย่างไร

การสอนของครูดินคือการสอนพื้นฐาน ที่นำเทคนิคและประสบการณ์จากการเป็นอดีตนักกีฬามาร่วมด้วย ให้คนที่มาวิ่งหรือนักวิ่งหน้าใหม่ได้เรียนรู้ขั้นตอนการปฏิบัติที่ทำให้การวิ่งเป็นเรื่องง่าย ทำให้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย การวิ่งไม่ใช่กีฬาที่น่าเบื่อหน่าย ถ้าเขาวิ่งแล้วได้เห็นการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เขาทำด้วยตัวเอง พวกเขาเหล่านั้นก็สามารถนำสิ่งที่ได้รับไปเผยแพร่ต่อ เป็นการต่อยอดให้กับนักวิ่งหน้าใหม่ที่สนใจในกิจกรรมการวิ่งต่อไป

แต่ในขณะเดียวกัน ครูไม่ได้แนะนำในเรื่องเฉพาะของการพัฒนาด้านร่างกายเกี่ยวกับการวิ่งเพียงอย่างเดียว ครูพยายามให้เขามีความรู้สึกถึงการร่วมกัน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การเข้าใจในความเหน็ดเหนื่อย ในความอดทนหรือขั้นตอนที่จะต้องมีวินัยต่อกัน สองสิ่งต้องควบคู่กันไปทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ

เสน่ห์การวิ่งมาราธอน และความท้าทายที่ต้องเจอระหว่างทาง

การวิ่งมาราธอนไม่ท้าทาย แต่การซ้อมเพื่อไปวิ่งมาธอนนี่สิท้าทายกว่า เพราะว่าต้องเปลี่ยนแปลงวิถีการดำรงชีวิตแบบเดิม ตั้งแต่ตื่นนอน การรับประทานอาหาร การทำงาน การใช้เวลากับเพื่อนฝูง กับสังคมและครอบครัว คุณต้องตื่นแต่เช้า ต้องนอนเร็ว ต้องเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เลิกกิจกรรมที่ไม่ทำลายสุขภาพ ต้องเลือกในสิ่งที่ไม่ทำให้ร่างกายของคุณติดลบ สิ่งเหล่านี้แหละทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลง มันท้าทายกับเป้าหมายในการที่คุณไปวิ่งมาราธอนครั้งนึง



“การวิ่ง เปรียบเหมือนบทเรียนการใช้ชีวิต เพราะการวิ่งนั้นทำให้เราได้อยู่กับตนเอง ทำให้เรามีสติ สอนให้เราเรียนรู้ในเรื่องของความอดทน ความเหนื่อยล้า การรู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การก้าวไปด้วยกันอย่างมีความสุข นี่แหละเสน่ห์ของมัน”


ตั้งเป้าหมายของการวิ่งไว้อย่างไร

ในทุกๆวัน จะมีแผนและตารางการซ้อมวิ่งอยู่แล้ว แต่เราไม่ได้ตั้งว่าต้องวิ่งให้ได้ทุกวัน เป้าหมายที่เราได้จริงๆจากการวิ่ง คือ ต้องการให้ตัวเองมีสุขภาพที่ดี มีร่างกายที่แข็งแรง ไม่เป็นภาระต่อครอบครัว ไม่เป็นภาระต่อสังคมเท่านั้นเอง


นอกเหนือจากเป้าหมายที่ตั้งไว้กับตัวเอง แผนที่จะนำการวิ่งไปช่วยสร้างสังคมที่น่าอยู่ ครูก็ได้วางไว้เหมือนกัน อย่างเช่นโครงการวิ่งจากกรุงเทพฯไปพะเยา ระยะทาง 750 กิโลเมตร เพื่อสร้างสนามกีฬา ที่จัดโครงการนี้เพราะว่าเรามีพื้นที่สวนสาธารณะเยอะแยะมากมาย หรือจะเกือบทุกชุมชน แต่เรากลับขาดพื้นที่ที่ช่วยส่งเสริมเกี่ยวกับสุขภาพของเขาได้จริงๆ โครงการที่ทำจึงใช้จังหวัดพะเยาเป็นจุดนำร่อง เพื่อที่จะทำให้เกิดพื้นที่เหล่านี้ในชุมชนของเราเอง ไม่ต้องรอว่าต้องมีเงินหรืองบประมาณมาก่อน เราสามารถจัดสรรให้คนในพื้นที่มาช่วยกันได้

เพื่อแต่การทำกิจกรรมของครู ทำให้เป็นทางการเพราะว่ามุ่งหวังให้กิจกรรมนี้เป็นจุดที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอีกมากมาย สร้างพื้นที่และแรงสนับสนุนให้สำเร็จตามเป้าหมาย

อยากจะบอกอะไรกับคนที่สนใจวิ่ง หรือกำลังเริ่มต้น

ชีวิตเราเดินถอยหลัง คนเรามีวงจรชีวิต โดยเฉลี่ยคนไทยไม่เกิน 65 ปี ในอายุที่เราถอยหลังไป เราต้องทำให้ทุกวินาทีมีค่า ยิ่งเราอายุมากขึ้น การเสื่อมโทรมการสึกหรอกลไกในร่างกายก็ลดประสิทธิภาพการทำงานลง

แต่ถ้าเราฉุกใจในเรื่องราวเหล่านี้ ส่งเสริมและพัฒนาในจุดนี้ เรามาทำให้ร่างกายของเรามีความแข็งแรง เราก็สามารถที่จะใช้กลไกเหล่านั้นได้อย่างยาวนานและมีความสุข ไม่เป็นภาระต่อคนอื่น

เพราะฉะนั้น วันที่คุณตัดสินใจออกมาวิ่ง วินาทีที่คุณกล้าตัดสินใจอออกมานั้น จะเป็นวินาทีเปลี่ยนแปลงชีวิตในทางที่ดีขึ้นของคุณ ถ้าคุณไม่เริ่มตั้งแต่วันนี้คุณจะไม่รู้ว่ามีสิ่งที่ดีกว่า

คนที่สนใจอยากมาเรียนกับครูดิน สามารถติดตามรายละเอียดได้ทางแฟนเพจ สถาวร รันนิ่งคลับ หรือ ก้าวครูดิน และไลน์กลุ่ม ครูดินชวนวิ่ง สามารถพูดคุยถามคำถามได้เลย มั่นใจได้เลยว่าครูดินตอบเอง หรือถ้าเป็นเพจใหญ่หากเป็นแอดมินก็จะเขียนกำกับไว้

 

ติดตามข่าวสารจาก หมีสาระ

Facebook : www.facebook.com/mheesaradotcom/

Twitter : https://twitter.com/mheesara

 

บทความที่เกี่ยวข้อง